วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

My journey on the Cruise Ship

 Part 1: Let start ฝันที่จะเดินทางรอบโลกโดนสกัดขาหัวทิ่มด้วยโควิด!!

    ชั้นก็อีนึงที่ครูถามตอนเด็กๆ "ความฝันคืออะไร" แล้วตอบเท่ๆว่า "เที่ยวรอบโลก" แอร้ยย มันเท่เห้ยย 555  ด้วยความที่คิดว่าตัวเองชอบเที่ยวก็ลงเรียน การท่องเที่ยว ไปเลยสิคะ มันไม่ใช่แค่ได้ไปเที่ยวสวยๆ เกร๋ๆค่ะสาวว กว่าจะกระชากลากถูกันจนจบสี่ปีเอาเรื่องอยู่

 หลังจากเรียนจบก็ลุ่มๆดอนๆ ทั้งเรื่องงาน เรื่องรักเอยเตยไม่หอม อายุชั้นก็เริ่มมาไกลแล้วก็ตัดสินใจสักทีว่าจะไปโบยบินค่ะ (จริงๆคือชั้นอกหักค่ะ เลยตัดสินใจเฉียบขาดเฉยยย)                  ก็สมัครครอสเพื่อไปเรือสำราญค่าา สมัยนั้น(2017-2018) ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมันน้อย หาเจออยู่ไม่กี่ที่ ด้วยความที่ความรู้เรื่องนี้มันน้อยอ่ะ น้อยกว่าขี้เล็บ หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต 100% เอเจ้นที่เราดูมีให้เลือก 2 ที่ กทม.กับภูเก็ต เลือก กทม.ก็ต้องย้ายหอ ไหนๆก็ต้องย้ายอยู่แล้ว ก็ย้ายไปภูเก็ตเล้ยย จบๆ (จริงๆช้ำรักอยากหนีไปไกลๆ 555) ตอนนั้นคือมันต้องฝึกงานโรงแรม เลยคิดว่างานโรงแรมมันต้องภูเก็ตสิ ไม่เคยไปด้วย หาโอกาสไปเที่ยวด้วยเลย ก็ฉายเดี่ยวไปเลยไปตายเอาดาบหน้าที่แท้ เพื่อนก็ไปหาเอาข้างหน้า ไปถึงจริงๆก็ตะกุกตะกักอยู่ คือแบบเราวาดภาพไว้ดีหน่อยแหละ แต่พอไปมันไม่เหมือนภาพที่วาดอ่ะ ทุกๆเรื่องเลย ทั้งตอนเรียนแล้วก็ตอนหางาน แล้วก็มาได้ทำงานจริงในห้องอาหารในโรงแรมก็เรื่อยๆ เนื้องานไม่ได้ยากคือมันเป้นงานสกิล ครูพักลักจำได้ ดูรุ่นพี่ทำก็ทำตามได้ แต่ยากตรงภาษา(อังกฤษ) ลูกค้า 90% คือต่างชาติ แล้วชั้นทักษะด้านภาษาคือน้อยมาก แล้วเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มที่กลัวการพูดผิด เลยทำให้ไม่กล้าใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้ใช้คือการไม่ได้ฝึก คือข้อเสียสุดๆในการเรียนภาษาเลย มาทำงานไม่ได้ทำให้ภาษาเราดีขึ้นนะ ยังใช้การท่องจำอยู่เหมือนเดิม เวลาคุยกับลูกค้าคือมีแค่คำถามเบสิคที่ต้องถาม-ตอบอยู่ทุกๆวันคำตอบก็นั่นแหละ ท่องจำเอา ช่วงนั้นงานเรือก็เงียบมาก แทบไม่มีที่ไหนเปิดรับเลย เป็นช่วงดาวน์เฉย (ชั้นก็เลือกมาได้ถูกช่วงอ่ะเนอะ) ก็คิดแค่ว่ามีเวลาให้เราได้เตรียมตัว เพราะเอเจ้นฝังหัวว่าต้องมีประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งที่เราจะไปอย่างน้อย 6 เดือนในโรงแรมห้าดาว อ่ะชั้นก็ชิวๆอ่ะเนอะคิดว่าตัวเองยังไม่เก่งภาษาพอด้วยน่ะแหละ งูๆปลาๆสุดๆ 

 จนปลายปี 2019 เอาล่ะจ่ะ นังโควิดตัวร้ายมันมาจ่ะแล้วตอนนั้นเองชั้นเพิ่งได้โอกาสไปสัมภาษณ์กับเอเจ้นของ RCCL แล้วผ่านสัมภาษณ์รอบแรกแล้วเรียบร้อย ตอนนั้นดีใจมากกก เหมือนมันจะได้ไปอยู่แล้วอ่ะ แค่รอสัญญาจ้างงานมา แล้วอิโควิดก็ดับฝันชั้น พลิกผันอีกแล้วต้องย้ายออกจากภูเก็ตด่วนๆ เพราะเค้าจะปิดเกาะค่าา ล็อกดาวน์เกาะภูเก็ตจังหวัดแรกในไทยตอนนั้นงานโรงแรมก็คือสิ้นหวังแล้ว โรงแรมอยู่ได้เพราะมีลูกค้า แล้วภูเก็ตโดนล็อคดาวน์เอาลูกค้าไหนมา โควิดเริ่มระบาดแรง เพราะมีคนตายเยอะขึ้นๆ ระหกระเหินกลับมาตั้งหลักที่กรุงเทพอีกรอบก็ยังดีที่มีงานทำต่อเลย สู้ชีวิตไปพร้อมๆกับสู้อิโควิด 2-3ปี ที่โควิดมันโคจรอยู่รอบๆตัว อิชั้นก็เปลี่ยนงานสู้ไปเล้ย 3-4งาน ตอนนั้นความหวังความคิดที่จะไปทำงานเรือ มันแทบไม่มีแล้วทางเอเจ้นก็เงียบมากก ไม่เคยอัพเดตอะไรเลยฟีดเพจเงียบ ไม่มีโพสอะไรทั้งนั้น แต่อีกเอเจ้นนึงเค้าเริ่มโพส เริ่มเคลื่อนไหวแล้วอ่ะ เริ่มมาขายฝันแล้วว่ามีการเปิดรับสมัครตำแหน่งนั้นนี้ ส่วนเอเจ้นเรากริบ.. จนเริ่มรวมตัวกันทวงค่าดำเนินการคืน(ค่าดำเนินการเค้าการันตีสามารถรีฟันคืนได้เต็มจำนวนหากไม่ได้ไปทำงาน) ชั้นก็หนึ่งในนั้นที่ลงชื่อขอเงินคืน แล้วก็หันมาหางานที่จะทำไปยาวๆ เพราะอายุเริ่มเยอะหางานเริ่มยาก ก็ได้งานของรถไฟฟ้า จากสมัครข้อเขียนผ่านก็รออีก รอเซ็นสัญญาอีกจาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน รออออค่ะ ก็คือทำงานอีกที่รอวนไป ช่วงที่บ.เรืออื่นๆกำลังเปิดรับ เพื่อนที่เคยสัมฯ ด้วยกันก็มาชวนไปสัมฯ บริษัทที่เค้าเปิดรับอยู่ แต่ด้วยความที่เราใจร้อนตอนนั้นหลังจากที่เราสัมฯผ่านรอบแรก เราก็ไปอบรม STCW ไว้แล้ว ถ้าเราไปเริ่มสัมฯกับเอเจ้นที่เปิดรับอยู่เราต้องไปอบรมใหม่คือ ต้องจ่ายเงินอีกรอบ ซึ่งเราเหนื่อยแล้ว เราไม่อยากนับ 1 ใหม่ ใจคือไม่เอาแล้วตอนนั้น การเริ่มใหม่ คือค่าใช้จ่าย ค่ารถ ค่ากิน ค่าเสื้อผ้า ค่าเอกสาร ค่าสอบ ค่าอบรม คือต้องจ่ายอีกรอบ ก็เลยบอกเพื่อนไปว่าเราจะรอของ RCCL ถ้าภายในปีนั้น (2022) ยังไม่มีความคืบหน้าเราอาจจะยอมแพ้ คือมันยังมีงานรถไฟฟ้าที่เรารออยู่ด้วยนั่นแหละ หรืออาจจะเบนเข็มไปเกาหลี อีกอย่างงานที่ทำรออยู่ตอนนั้นก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ เพื่อนก็มาอัพเดทนู่นนี่นั่นให้ฟังอยู่เรื่อยๆ ว่าเค้าไปสัมฯมาผ่านแล้ว กำลังทำวีซ่าเอยใด บลาๆๆ เราก็ตื่นเต้นไปกับเค้านะ แต่ถามว่าเราอยากไปอยู่มั้ย อยากไปอยู่ แต่ไม่อยากไปเริ่มต้นนับ 1 ใหม่กับอีกเอเจ้นนึง 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น